ประเทศบังกลาเทศได้มีพายุรุนแรงซึ่งพายุลูกนี้มีชื่อว่าภายุโมรา เป็นพายุที่มีความรุนแรงสูงมากและได้พัดถล่มดินแดนบางส่วนของประเทศบังกลาเทศ ซึ่งเป็นทั้งส่วนของเรือกสวนไร่นาและที่อยู่อาศัยของผู้คน ทำให้กทางการรัฐบาลของประเทศบังกลาเทศไม่นิ่งนอนใจเตรียมการออกคำสั่งและปฎิบัติการณ์อพยพผู้คนมากกว่า 1 ล้านคนออกจากพื้นที่ประสบภัยพายุโมรแต่ ในขณะเกิดเหตุการอพยพยังเป็นไปอย่างทุลักลุเลและล่าช้า ทำให้อพยพผู้คนได้ประมาณ 3-4 แสนคนไปล่วงหน้าแล้ว โดยเฉพาะพื้นที่ตรงศูนย์กลางของพายุ คาดว่าจะทำความเสียหายหนักอย่างชนิดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาหลายสิบปีในประเทศบังกลาเทศเลย
จากการคาดเดามีพื้นที่เป็นส่วนของที่ราบต่ำถูกแรงของพายุโมราจัดการจนราบเรียบโดยเฉพาะในเขตจิตตะกอง มีคลื่นพายุพัดกระหน่ำ ในครั้งนี้เป็นการเตือนภัยระดับ 10 ซึ่งร้ายแรงเป็นอย่างมากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 ทำให้เกิดเหตุการณ์อุทกภัยน้ำท่วมใหญ่ในศรีลังกามาแล้ว สร้างความเสียหายครั้งร้ายแรงที่สุดให้กับศรีลังกาในรอบ 14 ปีคร่าชีวิตผู้คนชาวเมืองศรีลังกาให้ต้องตายไปแล้วเป็นจำนวนมากกว่า 180 คน มีผู้สูญหายยังหาไม่พบและไม่สามารถระบุได้ว่ายังมีชีวิตอยู่หรือไม่อีกเป็นจำนวนมากกว่า 100 ราย ผู้คนไร้บ้านไร้ที่อยู่อาศัยและสูญเสียที่ดินพืชไร่สวนมากกว่า 500,00 คน และในครั้งนี้สำหรับประเทศบังกลาเทศก็มีการคาดเดาว่า จะสูญเสียไม่น้อยไปกว่ากันในส่วนของบ้านเรือนไร่นาและผลผลิตทางการเกษตรมูลค่าหลายพันล้านบาท แต่ในส่วนของชีวิตคนนั้น เนื่องจากทางประเทศบังกลาเทศมีเวลาพอจะตระเตรียมแผนการรับมือทั้งแผนอพยพผู้คน และการช่วยบรรเทาสาธารณะภัยต่าง ๆ ความเสียหายที่เกิดกับชีวิตและสวัสดิภาพของผู้คนจึงไม่หนักหนาและรุนแรงเท่าที่เกิดขึ้นในประเทศศรีลังกา
ในส่วนของตัวพายุโมราเองจะลดความรุนแรงลงนั้นเป็นเมื่อไหร่ก็ยังไม่สามารถคาดเดาได้อย่างชัดเจนนัก แต่คาดว่าเมื่อมาถึงประเทศไทยกำลังของพายุจะอ่อนตัวลงจนเป็นเพียงดีเพรสชั่นแล้ว แต่อย่างไรก็ดีคงทำให้ภูมิภาคโดยรอบพบเจอกับลมมรสุมมากพอสมควร แม้จะไม่ถึงกับพบภัยพิบัติจากพายุเช่นศรีลังกาและบังกลาเทศก็ตาม เนื่องมาจากภูมิประเทศของไทยอยู่ในเขตที่ปลอดภัย มีประเทศอื่น ๆ และทิวเขาคอยเป็นเกราะบังเอาไว้ให้ ซึ่งเป็นชัยภูมิที่เหมาะสมและสงบกว่าประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคเดียวกันกับประเทศของเรา
